เสื้อยืด–เสื้อโปโลจากผ้ารีไซเคิล: นวัตกรรมเสื้อผ้าความยั่งยืนตอบโจทย์ ESG และ Carbon Credit
- komgrit67
- 21 เม.ย.
- ยาว 3 นาที
อัปเดตเมื่อ 23 เม.ย.
กระแสเสื้อผ้ารีไซเคิลกับความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม

ในยุคที่ปัญหาโลกร้อนทวีความรุนแรงขึ้น อุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอกลายเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โลกเราต้องจัดการขยะเสื้อผ้ากว่า 10 ล้านตันต่อปี แต่รีไซเคิลได้ไม่ถึง 10% เท่านั้น ส่งผลให้เกิดกองขยะเสื้อผ้าขนาดมหึมาในหลายประเทศกำลังพัฒนา นอกจากนี้การผลิตเสื้อผ้าใหม่ยังใช้ทรัพยากรมหาศาล ไม่ว่าจะเป็น น้ำกว่า 2,700 ลิตร ต่อการผลิตเสื้อยืด 1 ตัว (เทียบเท่าน้ำดื่มเกือบ 3 ปีต่อคนหนึ่งคน) และกระบวนการฟอกย้อมยังก่อ น้ำเสียถึง 20% ของน้ำเสียทั่วโลก ที่สำคัญ อุตสาหกรรมแฟชั่นปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 1.7 พันล้านตันต่อปี (คิดเป็น 8-10% ของการปล่อย CO2 โลก) ทำให้อุตสาหกรรมนี้เป็นผู้ก่อมลพิษอันดับสองของโลกเลยทีเดียว
ด้วยผลกระทบมหาศาลดังกล่าว “ความยั่งยืน” จึงกลายมาเป็นแนวทางที่ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคให้ความสำคัญ ในช่วงหลายปีมานี้ หลายองค์กรและแบรนด์แฟชั่นทั่วโลกหันมามองหาแนวทางลดการใช้ทรัพยากรใหม่และลดการสร้างขยะสิ่งทอ แนวคิด ESG (Environmental, Social, Governance) หรือสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ได้รับความสนใจอย่างมากจากภาคธุรกิจยุคใหม่ในการปรับรูปแบบการดำเนินงาน โดยเฉพาะด้าน Environmental ที่เน้นลดผลกระทบต่อโลก เช่น การเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สินค้าเกี่ยวกับ ESG และ Eco จึงได้รับความนิยมมากขึ้นจากกระแสรักษ์โลกที่เกิดขึ้นทั่วโลก ผู้คนและองค์กรต่างเริ่มปรับเปลี่ยนสินค้าในชีวิตประจำวันให้เป็นมิตรต่อธรรมชาติยิ่งขึ้น
เสื้อผ้ารีไซเคิล เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ตอบโจทย์เทรนด์นี้อย่างลงตัว เพราะช่วยลดการใช้วัสดุดิบใหม่ ลดปริมาณขยะ และลดคาร์บอนฟุตพรินต์เมื่อเทียบกับการผลิตเสื้อผ้าแบบเดิมๆ ตัวอย่างเช่น ผ้าโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล (rPET) จากขวดพลาสติกมีคุณสมบัติไม่ต่างจากผ้าโพลีเอสเตอร์ปกติ แต่มี Carbon Footprint ต่ำกว่ามาก การวิเคราะห์ตลอดวงจรชีวิตพบว่าการผลิตเส้นใย rPET ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 70% เมื่อเทียบกับการผลิตโพลีเอสเตอร์ใหม่จากปิโตรเลียม นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาขยะพลาสติกที่ย่อยสลายยาก ด้วยการนำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์อีกครั้ง จึงไม่น่าแปลกใจที่เสื้อผ้ารีไซเคิลกำลังเป็นกระแสหลักในอุตสาหกรรมแฟชั่นเพื่อความยั่งยืน
จากขวดพลาสติก PET สู่เส้นใยผ้า: กระบวนการผลิตเสื้อรีไซเคิล
หนึ่งในวัตถุดิบรีไซเคิลยอดนิยมสำหรับผลิตเสื้อคือ ขวดพลาสติก PET (Polyethylene Terephthalate) เช่น ขวดน้ำดื่มหรือขวดน้ำอัดลมแบบใสที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ขวด PET เหล่านี้เมื่อรวบรวมได้มากพอก็สามารถนำมา Upcycling เป็นเส้นใยผ้าใหม่ผ่านกระบวนการอุตสาหกรรม ดังขั้นตอนต่อไปนี้:

คัดแยกและทำความสะอาด: รวบรวมขวดพลาสติกใช้แล้ว นำมาล้างทำความสะอาดและคัดแยกชิ้นส่วน (ตัวขวด, ฝาขวด, และฉลาก) ออกจากกัน
บดและหลอม: นำตัวขวดที่เป็น PET มาสับบดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วหลอมด้วยความร้อนจนได้เป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิล
ปั่นเป็นเส้นใย: นำเม็ดพลาสติกที่ได้ไปเข้ากระบวนการหลอมและ ฉีดออกมาเป็นเส้นใย โพลีเอสเตอร์รีไซเคิล (rPET) ซึ่งสามารถนำไปทอหรือถักเป็นผืนผ้าได้ต่อไป
ทอเป็นผ้าและตัดเย็บ: เส้นใย rPET ถูกนำมาทอ/ถักเป็นผืนผ้า ซึ่งมีทั้งผ้าเนื้อเรียบสำหรับเสื้อยืดหรือผ้า pique สำหรับเสื้อโปโล จากนั้นจึงนำผ้ามาตัดเย็บเป็นเสื้อสำเร็จรูปตามแบบที่ต้องการ
ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เส้นใยจากขวดพลาสติกเหล่านี้มีคุณสมบัติแทบไม่ต่างจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ปกติ ไม่ว่าจะด้านความทนทาน สีสัน หรือความนุ่มสบาย ตัวอย่างเช่นบริษัทผู้ผลิตเส้นใยรีไซเคิล Deja™ ของไทยสามารถผลิตเส้นด้าย rPET 100% ที่ให้ผ้าคุณภาพสูงและมีผลกระทบคาร์บอนต่ำ ใช้งานได้มีประสิทธิภาพพร้อมบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนไปพร้อมกัน กล่าวคือ แม้จะเปลี่ยนวัตถุดิบเป็นพลาสติกใช้แล้ว แต่ยังคงให้ความรู้สึกสบายแก่ผู้สวมใส่ไม่ต่างจากเดิม

ประโยชน์เชิงสิ่งแวดล้อม: การ upcycling ขวดพลาสติกมาเป็นเสื้อผ้าช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกและลดการใช้น้ำมันดิบในการผลิตเม็ดพลาสติกใหม่ ช่วยประหยัดพลังงานและทรัพยากรได้มาก ข้อมูลจากศูนย์เทคโนโลยีปิโตรเคมีฯ ระบุว่าการรีไซเคิลขวดพลาสติก 1 ตัน ช่วยลดการใช้น้ำมันดิบได้ประมาณ 3.8 บาร์เรล (ราว 159 ลิตร) และลดพื้นที่ฝังกลบขยะลงอย่างมาก นอกจากนี้ ทุกๆ เสื้อโปโลรีไซเคิล 1 ตัว ยังเป็นการนำขวดพลาสติกถึง 8 ขวด กลับมาใช้ใหม่ แทนที่จะกลายเป็นขยะอย่างไร้ค่า นับเป็นการลดขยะและลดการปล่อยคาร์บอนทางอ้อม (จากการผลิตพลาสติกใหม่) ในคราวเดียวกัน
ผ้ารีไซเคิล 100% vs ผ้าผสมคอตตอน: แตกต่างอย่างไร?
ในการผลิตเสื้อยืดหรือเสื้อโปโลรีไซเคิล เรามีทางเลือกหลักๆ อยู่สองแบบ คือ ผ้ารีไซเคิล 100% (เช่น ผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% จากเส้นใยรีไซเคิล) และ ผ้าผสมคอตตอนกับรีไซเคิล (เช่น ผ้า TC ที่ผสมระหว่างเส้นใยฝ้ายกับเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล) ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีและความเหมาะสมต่างกัน ดังนี้:
ผ้าโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 100%: ผ้าชนิดนี้ทอจากเส้นใยพลาสติกรีไซเคิลล้วนๆ ไม่มีส่วนผสมของฝ้าย ข้อดีคือเนื้อผ้ามีความยืดหยุ่นสูง ทนทาน ไม่ยับง่าย และแห้งไว เหมือนกับคุณสมบัติของผ้าโพลีเอสเตอร์ทั่วไป เสื้อที่ได้จะมีน้ำหนักเบา ระบายความชื้นได้ดี (ไม่อมเหงื่อ) จึงเหมาะกับการทำกิจกรรมหรือสวมใส่กลางแจ้งที่ต้องการความคล่องตัวและการซับเหงื่อที่รวดเร็ว นอกจากนี้ผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% ยังดูแลง่าย ซักแล้วแห้งเร็วและไม่ต้องรีดบ่อยเพราะไม่ค่อยยับ ข้อควรทราบคือผ้าโพลีเอสเตอร์จะ ไม่ค่อยซับเหงื่อ เข้าเส้นใย (ต่างจากฝ้าย) แต่จะระเหยความชื้นออกไว ทำให้รู้สึกแห้งสบายตัว ขณะเดียวกันก็อาจไม่ “เย็น” เท่าฝ้ายเวลาสวมใส่ในที่ร้อนชื้นโดยตรง ดังนั้นสำหรับผู้ที่เหงื่อออกมาก ผ้าโพลีเอสเตอร์เนื้อบางหรือผ้ามีเทคโนโลยีระบายอากาศเพิ่มเติมจะช่วยเพิ่มความสบายขึ้น
ผ้าผสม Cotton กับเส้นใยรีไซเคิล (ผ้า TC รีไซเคิล): เป็นการผสมผสานข้อดีของสองโลกเข้าด้วยกัน โดยทั่วไปผ้า TC (Tetron Cotton) จะมีส่วนผสมโพลีเอสเตอร์ต่อฝ้ายประมาณ 65:35 หรือ 80:20 เพื่อให้ได้สมดุลระหว่างความทนทานกับความนุ่มสบาย ฝ้าย (Cotton) จะมอบสัมผัสที่นุ่มนวล ระบายอากาศและดูดซับความชื้นได้ดี สวมใส่แล้วเย็นสบายผิว ขณะที่ โพลีเอสเตอร์รีไซเคิล ในผ้าจะเพิ่มความยืดหยุ่น คงรูปทรง ไม่หดหรือย้วยง่าย และทำให้ผ้ายับยากกว่าเดิม ผลลัพธ์คือ ผ้า TC รีไซเคิล ที่ทั้งนุ่มสบาย ระบายอากาศได้ดี ในระดับหนึ่ง และยังทนทานต่อการใช้งานกว่าฝ้ายล้วน รองรับการซักบ่อยครั้งได้ดีกว่า จึงเหมาะกับการทำเสื้อยูนิฟอร์มหรือเสื้อกิจกรรมที่ต้องการทั้งความสบายและอายุการใช้งาน
ทั้งนี้ ผ้าผสมรีไซเคิลระดับพรีเมียมในปัจจุบันได้รับการพัฒนาให้มีคุณสมบัติดีมาก อย่างเช่นผ้า TC รีไซเคิล ที่ใช้ฝ้ายธรรมชาติคุณภาพสูงผสมกับเส้นใย rPET พิเศษ ให้ความนุ่มสบายและความยืดหยุ่นทนทาน ระบายอากาศได้ดี ตอบโจทย์ทั้งความรู้สึกผู้สวมใส่และแนวทางรักษ์โลกไปพร้อมกัน ช่วยให้องค์กรได้ทั้งชุดยูนิฟอร์มที่สวมใส่สบายดูดี และยังบ่งบอกถึงภาพลักษณ์ความยั่งยืนผ่านเสื้อผ้าที่เลือกใช้อีกด้วย
ในแง่ข้อควรพิจารณา ผ้ารีไซเคิล 100% มักจะเบาและบางกว่า จึงระบายเหงื่อและแห้งไว แต่บางคนอาจรู้สึกไม่เย็นเท่าผ้าฝ้าย ในขณะที่ ผ้า TC จะใส่สบายกว่าในอากาศร้อนเพราะมีฝ้าย แต่ก็จะแห้งช้ากว่าและยับง่ายกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับผ้าโพลีเอสเตอร์ล้วน นอกจากนี้ ผ้า TC (ที่เป็นการผสมเส้นใยต่างชนิดกัน) หากหมดอายุการใช้งานแล้วจะ รีไซเคิลได้ยากกว่า ผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% เพราะแยกเส้นใยออกลำบาก แต่ในมุมการใช้งานจริง เสื้อผ้าทั้งสองแบบต่างก็มีคุณภาพและความทนทานเพียงพอสำหรับการใช้งานระยะยาว ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของผู้สั่งผลิตเป็นสำคัญ
ตัวอย่างการใช้งานจริง เสื้อยืด–เสื้อโปโลจากผ้ารีไซเคิล
องค์กรและบริษัทต่างๆ ในปัจจุบันเริ่มนำ เสื้อโปโลผ้ารีไซเคิล และ เสื้อยืดผ้ารีไซเคิล มาใช้ในหลายโอกาส เพราะนอกจากจะใช้งานได้ไม่ต่างจากเสื้อผ้าปกติแล้ว ยังช่วยสื่อสารภาพลักษณ์ความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างการใช้งานจริง เช่น:
เสื้อยูนิฟอร์มพนักงานรักษ์โลก: หลายบริษัทปรับเปลี่ยนเสื้อยูนิฟอร์มพนักงานเป็นผ้ารีไซเคิลเพื่อแสดงจุดยืนด้านความยั่งยืน เช่น บริษัทไทย สมายล์ บัส (Thai Smile Bus) ที่เริ่มใช้เสื้อโปโล “TSB Upcycle” สำหรับพนักงานสำนักงาน โดยเสื้อแต่ละตัวผลิตจากขวดพลาสติกรีไซเคิล 8 ขวด ช่วยลดขยะพลาสติกและยังออกแบบให้เนื้อผ้าใส่สบาย ระบายอากาศดี แห้งไวและยับยาก ลดการรีดผ้าได้อีกด้วย (TSB ต่อยอดความยั่งยืนจาก Carbon Credit สู่การใช้เสื้อรักษ์โลก “TSB Upcycle” - สยามรัฐ) นับเป็นตัวอย่างการนำนวัตกรรมเสื้อรีไซเคิลมาใช้จริงในองค์กรเพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero
เสื้อกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) และเสื้อแคมเปญรักษ์โลก: ในงานวิ่งการกุศล กิจกรรมปลูกป่า รณรงค์ลดโลกร้อน ฯลฯ ผู้จัดงานหลายแห่งหันมาใช้เสื้อยืดจากผ้ารีไซเคิลแจกให้ผู้เข้าร่วมแทนเสื้อผ้าทั่วไป ด้วยเหตุผลทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและการสร้างจิตสำนึกแก่ผู้สวมใส่ เช่น เสื้อยืดวิ่งที่ผลิตจากขวด PET หรือจากเศษผ้ารีไซเคิล 100% ซึ่งใส่สบายและยังทำให้ผู้ร่วมกิจกรรมรู้สึกภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยลดโลกร้อนไปพร้อมกัน
ของพรีเมียมส่งเสริมการขายรักษ์โลก: แบรนด์สินค้าหรือธนาคารหลายแห่งเลือกผลิตเสื้อโปโลหรือเสื้อยืดรีไซเคิลเป็นของแถมโปรโมชั่นหรือของขวัญให้ลูกค้า โดยบนเสื้อหรือแท็กสินค้าอาจพิมพ์ข้อความเกี่ยวกับวัสดุรีไซเคิลที่ใช้ เช่น “Made from 5 Recycled Bottles” เป็นต้น สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยโปรโมทแบรนด์ในทางที่ดี แต่ยังสะท้อนถึงนโยบาย ESG ขององค์กรให้ผู้บริโภครับรู้ได้ชัดเจน ผู้รับก็ยินดีสวมใส่เพราะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางรักษ์โลก

นอกจากตัวเสื้อเองแล้ว รายละเอียดปลีกย่อยอย่าง ป้ายแท็ก และ บรรจุภัณฑ์ ก็สามารถใช้วัสดุรีไซเคิลได้เช่นกัน
หลายโครงการเสื้อรีไซเคิลมักแนบ QR Code บนป้ายเสื้อ ให้ผู้สวมใส่สแกนดูข้อมูล “Your Impact” ว่าการใช้เสื้อตัวนี้ช่วยโลกได้เท่าไร (เช่น ช่วยประหยัดน้ำไปกี่ลิตร ลด CO2 ไปกี่กิโลกรัม) ซึ่งสร้างความภูมิใจและความตระหนักรู้แก่ผู้สวมใส่อย่างมาก ถือเป็นการสร้าง แรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในวงกว้างขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
เสริมพลัง ESG และ Carbon Credit ด้วยเสื้อผ้ารีไซเคิล
การเลือกใช้เสื้อผ้ารีไซเคิลไม่เพียงช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสนับสนุนเป้าหมาย ESG ขององค์กรในหลายมิติ:
Environmental (สิ่งแวดล้อม): ชัดเจนที่สุดคือการลดการใช้ทรัพยากรใหม่ ลดขยะ และลดการปล่อยคาร์บอน เท่ากับองค์กรได้แสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม ทุกเสื้อรีไซเคิลที่สวมใส่คือการบอกว่า “เราใส่ใจโลก” ซึ่งปัจจุบันผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (ลูกค้า ผู้ถือหุ้น หน่วยงานรัฐ) ต่างก็ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ บริษัทที่ลงมือจริงจังจะได้รับการยอมรับและสนับสนุนมากขึ้น
Social (สังคม): การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) การสั่งผลิตเสื้อ CSR หรือเสื้อพนักงานที่เป็นผ้ารีไซเคิลสามารถสื่อถึงวัฒนธรรมองค์กรที่คำนึงถึงส่วนรวม ไม่เน้นแค่ผลกำไร ซึ่งช่วยสร้างความภูมิใจให้แก่พนักงานและความเชื่อมั่นให้แก่ชุมชนรอบข้างได้
Governance (ธรรมาภิบาล): ในแง่การบริหารจัดการ การบรรจุแนวทาง ESG ไว้ในนโยบายและการดำเนินงาน (เช่น จัดซื้อเสื้อผ้ายูนิฟอร์มต้องเป็นวัสดุยั่งยืน) สะท้อนถึงการวางแผนเชิงกลยุทธ์ระยะยาวที่รอบด้าน โปร่งใส ตรวจสอบได้ องค์กรที่ดำเนินงานตามหลัก ESG มักได้รับความเชื่อถือและประเมินมูลค่าองค์กรสูงขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อความยั่งยืนทางธุรกิจ

นอกจากนี้ การลดการปล่อยคาร์บอนจากการใช้เสื้อผ้ารีไซเคิลยังเอื้อต่อเป้าหมาย Carbon Neutral หรือ Net Zero ขององค์กรในอนาคตอีกด้วย ทุกๆ การลดการปล่อย CO2 สามารถนำไปนับรวมในการคำนวณ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ ขององค์กร หากองค์กรลดการปล่อยได้มากกว่าที่กำหนดก็อาจเกิด Carbon Credit ส่วนเกินที่สามารถนำไปซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนได้ ตามกลไกการซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่หลายประเทศเริ่มนำมาใช้ แม้การใช้เสื้อรีไซเคิลเพียงอย่างเดียวอาจไม่ได้สร้างคาร์บอนเครดิตปริมาณมากทันที แต่อย่าลืมว่า ความยั่งยืนเกิดจากการลงมือทำทีละเล็กละน้อยในทุกภาคส่วน การเปลี่ยนเสื้อพนักงานทั้งองค์กรมาใช้ผ้ารีไซเคิลย่อมส่งผลให้คาร์บอนฟุตพริ้นท์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อคิดรวมตลอดอายุการใช้งานเสื้อ และหากผนวกรวมกับมาตรการอื่นๆ ก็จะช่วยให้องค์กรเข้าใกล้เป้าหมาย Net Zero ได้เร็วขึ้น

ในระดับนโยบายโลก ขณะนี้หลายประเทศเริ่มมีการผลักดัน ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ บนสินค้า เพื่อให้ผู้บริโภครับรู้ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้านั้นๆ และกระตุ้นให้ผู้ผลิตใช้วิธีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การเลือกใช้วัตถุดิบรีไซเคิลอย่างผ้า rPET จะช่วยลดตัวเลขคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของสินค้าเสื้อผ้าลงได้ ทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราผ่านเกณฑ์มาตรฐานสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น และพร้อมสำหรับตลาดที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมในอนาคต
สรุปได้ว่า เสื้อผ้ารีไซเคิลคือทางเลือกที่ win-win ทั้งต่อโลกและต่อองค์กรเอง องค์กรได้เสื้อคุณภาพดีที่ใช้งานได้จริง พนักงานใส่สบาย ลูกค้าชื่นชม แถมยังช่วยองค์กรทำคะแนนด้าน ESG และลดภาระในการชดเชยคาร์บอนในระยะยาว เป็นการลงทุนที่ให้ผลลัพธ์เชิงบวกหลายต่อ
Bluespot Garment กับบทบาทผู้นำเสื้อผ้ายั่งยืน
Bluespot Garment ในฐานะโรงงานผลิตเสื้อยืด เสื้อโปโล และชุดยูนิฟอร์มครบวงจรที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี มีความมุ่งมั่นในการนำเสนอทางเลือกใหม่ๆ ให้ลูกค้าอยู่เสมอ ปัจจุบันเราได้พัฒนาช่องทางการผลิต เสื้อผ้ารีไซเคิล ทั้งในรูปแบบผ้าโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 100% และผ้าผสมคอตตอนรีไซเคิล เพื่อรองรับความต้องการขององค์กรสมัยใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม
ด้วยความเชี่ยวชาญตั้งแต่การออกแบบ เลือกวัตถุดิบ จนถึงการผลิตอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เราพร้อมช่วยลูกค้าเปลี่ยนไอเดียความยั่งยืนให้กลายเป็นเสื้อผ้าที่จับต้องได้ ทุกชิ้นงานของเราสามารถปรับแต่งดีไซน์ สี โลโก้ และรายละเอียดต่างๆ ตามที่ลูกค้าต้องการ โดยคำนึงถึงคุณภาพและความยั่งยืนควบคู่กันไป ลูกค้าหลายรายจากหลากหลายอุตสาหกรรม – ตั้งแต่บริษัทเอกชนชั้นนำ หน่วยงานรัฐ โรงพยาบาล สถาบันการศึกษา จนถึงแบรนด์สินค้า – ให้ความไว้วางใจให้ Bluespot Garment ผลิตเสื้อยูนิฟอร์มและสินค้าผ้าต่างๆ มาโดยตลอด (ลูกค้าของเรา | BlueSpot Garment Co., Ltd.) ซึ่งในระยะหลัง เทรนด์เสื้อผ้ารักษ์โลก ก็กลายเป็นความต้องการหลักที่เราได้รับจากลูกค้ามากขึ้น
เราได้มีโอกาสผลิตชุดยูนิฟอร์มและเสื้อกิจกรรมจากผ้ารีไซเคิลให้กับองค์กรที่ต้องการสื่อสารภาพลักษณ์สีเขียวหลายโครงการ อาทิ เสื้อโปโลพนักงานที่ทอจากผ้า rPET ผสมคอตตอน สำหรับบริษัทที่ต้องการทั้งความสุภาพและความยั่งยืน, เสื้อยืดโฆษณาประชาสัมพันธ์โครงการด้านสิ่งแวดล้อมที่ใช้ผ้ารีไซเคิล 100% พิมพ์สกรีนโลโก้และข้อความรณรงค์อย่างโดดเด่น, ถุงผ้ารณรงค์รักษ์โลก ที่ผลิตจากผ้ารีไซเคิลเพื่อใช้แจกในงานอีเวนต์ของหน่วยงานรัฐ เป็นต้น ทุกผลงานได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยม ทั้งด้านคุณภาพของสินค้าและภาพลักษณ์องค์กรที่โดดเด่นขึ้นในสายตาของกลุ่มเป้าหมาย
Bluespot Garment ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนวงการสิ่งทอไทยสู่ความยั่งยืน เราเชื่อมั่นว่า “คุณภาพ” และ “ความรับผิดชอบ” สามารถไปด้วยกันได้ เสื้อยืดหรือเสื้อโปโลรีไซเคิลที่เราผลิตนั้นไม่เพียงมีคุณภาพทัดเทียมเสื้อผ้าทั่วไป แต่ยังเปี่ยมความหมายในฐานะสินค้าที่ช่วยลดผลกระทบต่อโลกใบนี้ ลูกค้าของเราจึงมั่นใจได้ว่า ทุกตัวเลือกที่ทำกับ Bluespot ไม่ว่าจะเป็นเนื้อผ้า แบบเสื้อ หรือกระบวนการผลิต ล้วนคำนึงถึงอนาคตที่ยั่งยืนของทุกคน
หากองค์กรของคุณกำลังมองหาแนวทางปรับเปลี่ยนสู่ความยั่งยืน การหันมาใช้เสื้อผ้ารีไซเคิลสำหรับพนักงานหรือกิจกรรมต่างๆ คือก้าวเล็กๆ ที่สร้างความแตกต่างได้อย่างยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเพื่อสนับสนุนเป้าหมาย ESG, ลดคาร์บอนฟุตพรินต์เพื่อ Carbon Credit, หรือเพื่อปลูกจิตสำนึกที่ดีให้แก่คนในองค์กร Bluespot Garment ยินดีให้คำปรึกษาและร่วมออกแบบผลิตภัณฑ์ผ้ายั่งยืนที่เหมาะกับความต้องการของคุณ เรามีความพร้อมทั้งด้านวัสดุ เทคโนโลยี และทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่จะทำให้เสื้อผ้ารีไซเคิลของคุณออกมาสวยงาม มีคุณภาพ และสร้างความภูมิใจให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงเพื่อโลกที่ดีกว่าไปกับเรา เพราะทุกครั้งที่คุณเลือก “เสื้อผ้ารีไซเคิล” คุณกำลังส่งต่ออนาคตที่สดใสขึ้นให้กับคนรุ่นต่อไปอย่างแท้จริง
หากองค์กรของคุณกำลังมองหา โรงงานเสื้อยืด–เสื้อโปโลจากผ้ารีไซเคิล ที่น่าเชื่อถือ และมีประสบการณ์ในการผลิตเสื้อพนักงานให้กับบริษัทชั้นนำมากว่า 30 ปี Bluespot Garment คือคำตอบของคุณ เรามีทีมงานมืออาชีพพร้อมให้คำปรึกษาตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการจัดส่งผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แบบ อย่ารอช้า ติดต่อ Bluespot Garment ได้เลยวันนี้ เพื่อเริ่มต้นการสั่งทำชุดยูนิฟอร์มพนักงานคุณภาพสำหรับองค์กรของคุณ
Comments